จับตา อนาคต สตาร์ทอัพไทย ในปี 2025 เดินหน้าท้าทายสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนวัตกรรมด้านฟินเทคและอีคอมเมิร์ซเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าสตาร์ทอัพไทยในกลุ่มฟินเทคและอีคอมเมิร์ซ มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีผู้เล่นสำคัญหลายรายที่น่าจับตามอง เช่น Ascend Money ผู้ให้บริการ TrueMoney Wallet ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับสถานะ Unicorn ในปี 2021 ล่าสุด Ascend Money ประสบความสำเร็จในการระดมทุน Series D มูลค่า 195 ล้านดอลลาร์ นำโดย MUFG Bank และ Finnoventure Private Equity Trust I สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัท นอกจากนี้ ยังมี Beam ผู้ให้บริการระบบชำระเงินแบบ One-Click Checkout ที่ได้รับเงินทุน Series B มูลค่า 93 ล้านดอลลาร์ จาก Affirma Capital และ Sequoia Capital India รวมถึง Jitta แพลตฟอร์ม Robo-Advisory ชั้นนำ ที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์หุ้นกว่า 48,000 บริษัททั่วโลก และให้คำแนะนำในการลงทุน Jitta ระดมทุน Pre-Series... ในส่วนของ Finnomena แพลตฟอร์ม P2P Lending ที่เชื่อมโยงผู้กู้และผู้ให้กู้ โดดเด่นด้วยระบบอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วผ่าน AI ก็ได้รับเงินทุน Series B+ มูลค่า 5.5 ล้านดอลลาร์ จาก Openspace Ventures, Finnoventure Private Equity Trust และ Gobi Partners นอกจากกลุ่มฟินเทคและอีคอมเมิร์ซ ยังมีสตาร์ทอัพไทยในกลุ่มอื่นๆ ที่น่าจับตามอง เช่น DataScale สตาร์ทอัพด้าน Big Data Analytics ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ SunSawang สตาร์ทอัพด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มุ่งขยายการเข้าถึงพลังงานสะอาดในพื้นที่ชนบทของประเทศไทย Eatigo แพลตฟอร์มจองร้านอาหาร ที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% ในช่วงเวลา Off-Peak และ Opn แพลตฟอร์มระบบการชำระเงินออนไลน์สำหรับธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับชำระเงิน อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด “Unlocking Thailand's AI Potential” ซึ่งจัดทำร่วมกับ Strand Partners พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง
ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย 17% นิค บอนสโตว์ ผู้อำนวยการบริษัท สแตรนด์ พาร์ทเนอร์ส เผยว่า ได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในประเทศไทย ทว่าการใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในปี 2567-2568 ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI, ความยั่งยืน และ FinTech พร้อมวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาสสำคัญ
AI กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงการผลิตและสุขภาพ [6, 10, 11, 20, 24] สตาร์ทอัพไทยกำลังใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะ Generative AI และ AI Agentic Systems ที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง [10, 11] การลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ที่เพิ่มขึ้นยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาค AI อีกด้วย [10, 11, 20] #### 2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Tech) ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นทำให้สตาร์ทอัพที่มุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสีย และเกษตรกรรมที่ยั่งยืนได้รับความสนใจมากขึ้น [3, 5, 7, 10, 11, 14] ภาครัฐเองก็กำลังเร่งส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว โดยมีเป้าหมายในการพัฒนายูนิคอร์น (Unicorns) ที่สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ [7] ตลาดเทคโนโลยีสีเขียวคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า [7] ความผันผวนของธุรกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล ที่ผู้ประกอบการ StartUp ต้องรีบตามให้ทัน AIS The StartUp รวบรวมเทรนด์ที่น่าสนใจในปี 2025 ที่หลาย ๆ ธุรกิจต้องรีบปรับตัวพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง จะมีเทรนด์อะไรบ้างไปดูกัน เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ความแม่นยำและความยั่งยืนในกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อาหาร เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วย Startup Thailand ในการลดต้นทุนและการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น ช่วยควบคุมและปรับปรุงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การมองหาวัตถุดิบจนไปถึงการส่งสินค้า ตัวอย่างของ Manufacturing and Supply Chain Tech ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการ Startup นำไปปรับและพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้ ที่ช่วยให้ธุรกิจ Transformation ได้ยั่งยืน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยให้ผู้ประกอบ Startup บริหารธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวบรวมสถิติต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ AI ก็มาพร้อมภัยอันตรายที่ผู้ประกอบการต้องระวัง Scammer จากข้อมูลจากการประมวลผลที่ผิดพลาด ผู้ประกอบการต้องศึกษาและใช้งานอย่างระมัดระวังและมีความรับผิดชอบ เพื่อให้การบริหารธุรกิจดำเนินไปได้ถูกต้อง Startup Thailand จะต้องมีทักษะอะไรบ้างถึงจะทำให้ธุรกิจเติบโตในยุคนี้ AI Literacy คือ ความฉลาดรู้ทาง AI ที่ต้องรู้ Startup ต้องศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชันการทำงานของ AI เพื่อการใช้งานอย่างสร้างสรรค์และจริยธรรมการใช้งาน Responsible AI แนวทางการพัฒนาการใช้งาน AI ให้เป็นไปตามจริยธรรม สังคม และกฎหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ธุรกิจ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจาก AI และรับผิดชอบต่อสังคม สรุปข้อมูลหลังจากทีมเทคซอสร่วมล้อมวงพูดคุยกับ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA ทั้งภาพรวมการเติบโตของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในประเทศไทย เทรนด์การเติบโตของสตาร์ทอัพในปี 2025 พร้อมเผยแนวทางสนับสนุน Deep Tech เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันให้ประเทศและทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัว ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ให้ข้อมูลในภาพรวมของสตาร์ทอัพในประเทศไทยและตัวเลขการเติบโต ซึ่งตอกย้ำว่า ไทยเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งหนึ่งของโลก ดังนี้ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA และ คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม NIA
ดร.กริชผกาถึงปี 2025 ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ พฤติกรรมการบริโภค คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมิติด้าน Data Center ที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการลงทุน ทั้งจากผู้เล่นไทยและระดับโลก 3 ปีที่ผ่านมาขนาด Data Center ของไทยเติบโตกว่าร้อยละ 54 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และคาดการณ์ว่าปี 2024 – 2027 ประเทศไทยน่าจะสามารถดึงดูดการลงทุน Data Center ได้เป็นมูลค่าประมาณ 2.6 แสนล้านบาท เสียงเตือนถึงอนาคตสตาร์ตอัพไทยดังขึ้น หลังการรับรู้ในเวทีภูมิภาคซบเซา ผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐระดมสมองในงาน THAI STARTUP DAY 2025 ชี้เป้าปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ พร้อมอัดฉีดกลไกสนับสนุนชุดใหม่ หวังพลิกเกมขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก ประเด็นสำคัญนี้ถูกจุดประกายขึ้นจากข้อสังเกตที่ว่าสตาร์ตอัพไทยดูเหมือนจะ “หายไปจากเรดาร์” ในงานเสวนาระดับภูมิภาค โดยการอภิปรายได้มุ่งเน้นไปที่การที่สตาร์ตอัพไทยได้รับการกล่าวถึงน้อยลง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่ได้รับการยอมรับในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยี (Tech Hub) อินโดนีเซียที่ถูกมองว่าเป็นตลาดดาวรุ่ง (Next China) หรือฟิลิปปินส์ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตตามมา (Next Indonesia) ไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กล่าวว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากจำนวนสตาร์ตอัพไทยในกลุ่มเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ที่ยังมีสัดส่วนน้อย ประกอบกับช่องว่างในการนำผลงานวิจัยมาพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ (Commercialization) สตาร์ตอัพไทยส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Application) มากกว่าการมุ่งเน้นเทคโนโลยีแกนหลัก ซึ่งอาจส่งผลต่อการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ไปยดากล่าวว่า สตาร์ตอัพไม่จำเป็นต้องเป็น Deep Tech เสมอไป หากมีคุณค่า (Value) และศักยภาพในการขยายสู่ตลาดโลก (Global Platform) ก็สามารถเป็นจุดแข็งได้ ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า ประเด็นนี้เชื่อมโยงกับ “กับดักประเทศรายได้ปานกลาง” (Middle-Income Trap) ซึ่งการจะก้าวข้ามได้ต้องอาศัยแบรนด์ที่แข็งแกร่งหรือนวัตกรรมระดับสูง ดร.ชินาวุธกล่าวว่า ปัญหาหลักอยู่ที่ “ความเสี่ยง” (Risk) ทั้งในมิติของ “ทุนที่พร้อมรับความเสี่ยง” (Risk Capital) ที่ยังไม่เพียงพอ และกรอบความคิดของสังคมและภาครัฐที่ยังคง “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” (Risk Averse) ขาดความเข้าใจในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดีพอ ดังเช่นทัศนคติ “เงินรัฐตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้” หรือความกังวลต่อการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างนวัตกรรม
ปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) กล่าวว่า การรับรู้ต่อสตาร์ตอัพไทยในระดับภูมิภาคที่ต่ำนั้นเป็นปัญหาที่มีมานาน ประเทศไทยมักถูกมองว่า “ดีแต่ยังไม่ถึงที่สุด” คือมีตลาดที่ใหญ่พอสำหรับการเริ่มต้น แต่เล็กเกินไปสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ปริวรรตได้ยกตัวอย่างสิงคโปร์ที่ใช้ตลาดทุนนำ มีการใช้ Matching Fund ในสัดส่วน 7 ต่อ 3 เพื่อสร้างอุตสาหกรรม Venture Capital อย่างจริงจัง ขณะที่อินโดนีเซียมีตลาดภายในขนาดใหญ่ แม้จะมีความสนใจจากต่างชาติ แต่อุปสรรค (Barrier) บางประการยังคงอยู่ ทำให้เกิดสภาวะ “ไก่กับไข่” ที่การขาดการยอมรับในระดับสากล (International Presence)... สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย หรือ “Thai Startup” จัดงาน “Thai Startup Day 2025: Pioneer the New Economy” เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปีของการก่อตั้งสมาคมฯ พร้อมเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพของสตาร์ตอัพไทย มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตโดยการสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นแก่สตาร์ตอัพไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังปณิธานของสมาคมที่ว่า “Pioneer the New Economy” นายธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย กล่าวว่า “แม้ว่าสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันจะต้องเผชิญ กับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แต่เรายังเห็นการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในหลายอุตสาหกรรม ที่สามารถระดมทุนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย ที่สามารถปรับตัวและสร้างโอกาสท่ามกลางความท้าทาย” “ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยได้มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย ผ่านการผลักดันนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ การสร้างเครือข่ายกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะให้กับผู้ประกอบการ ผ่านภารกิจสมาคม 3 ด้าน ได้แก่ Manpower สร้างกำลังคนด้านดิจิทัล, Money การสนับสนุนด้านการเงิน และ Market การผลักดันสตาร์ตอัพไทยเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราได้เน้นการสร้างฐานข้อมูลสตาร์ทอัพไทยอย่างเป็นระบบผ่านโครงการ Thai Startup Directory และการผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสตาร์ทอัพกับนักลงทุนและบริษัทขนาดใหญ่” นายธนวิชญ์กล่าว นายกสมาคมฯ ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสตาร์ทอัพต่อระบบนิเวศของตลาดทุนว่า “สตาร์ทอัพเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุนในอนาคต ด้วยเหตุนี้ กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จึงให้ความสำคัญและสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ทอัพไทยอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ Thai Startup Directory ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลของสตาร์ทอัพไทยได้อย่างครบถ้วน นำไปสู่การสนับสนุนและลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสตาร์ทอัพลงทะเบียนในระบบแล้วกว่า 500 ราย และเราขอเชิญชวนสตาร์ทอัพไทยทุกรายให้เข้ามาลงทะเบียน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฐานข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจได้มากขึ้น” นายธนวิชญ์กล่าวเพิ่มเติม “แผนงานในอนาคต สมาคมจะมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้กับสมาชิก พร้อมทั้งผลักดันนโยบายที่จะช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพไทย เพื่อเชื่อมโยงสตาร์ทอัพกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ” นายธนวิชญ์กล่าวทิ้งท้าย
โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ปี 2568 เป็นปีทองของสตาร์ทอัพไทยที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ผนวกกับการสนับสนุนจากภาครัฐและกระแสการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง เรื่องราวของสตาร์ทอัพไทยในปี 2568 สอนให้เรารู้ว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่ไปกับการตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและสิ่งแวดล้อม คือหนทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน.
People Also Search
- จับตา อนาคต สตาร์ทอัพไทย ในปี 2025 เดินหน้าท้าทายสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
- 'Ai' ไทยยังร้อนแรง จับตา! สตาร์ทอัพแซงองค์กรใหญ่ในสนามนวัตกรรม
- สตาร์ทอัพไทยปี 2567-2568: ก้าวกระโดดด้วย Ai และความยั่งยืน ท่ามกลางการ ...
- 3 Trends 2025 ที่ผู้ประกอบการ StartUP ไม่ตามระวังตกขบวน!
- Nia เปิดข้อมูลระบบนิเวศสตาร์ทอัพ รับเทรนด์เติบโต 2025 และการจัดหาสเปซ ...
- อนาคตสตาร์ตอัพไทย? รัฐเร่งเครื่อง ปรับกลยุทธ์-อัดฉีดทุน
- NIA แนะสตาร์ทอัพ ชี้ 3 เทรนด์อุตสาหกรรมน่าลงทุน - sdggo.com
- Thailand Startup 2024 Wrapped
- สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยจัดงาน "Thai Startup Day 2025: Pioneer the New ...
- ไทยพร้อมสู่ยุคใหม่: สตาร์ทอัพไทยยุค 2025 ขับเคลื่อนด้วย AI และ Green ...
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและโอกาสของ สตาร์ทอัพไทย ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คาดการณ์ว่ามูลค่าจะพุ่งสูงถึง 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีนวัตกรรมด้านฟินเทคและอีคอมเมิร์ซเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศู...
ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ
ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 60...
AI กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงการผลิตและสุขภาพ [6, 10, 11, 20, 24] สตาร์ทอัพไทยกำลังใช้ AI
AI กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงการผลิตและสุขภาพ [6, 10, 11, 20, 24] สตาร์ทอัพไทยกำลังใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะ Generative AI และ AI Agentic Systems ที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง [10, 11] การลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ที่เพิ่มขึ้นยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาค AI อีกด้วย [10, 11, 20] #### 2. เ...
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยให้ผู้ประกอบ Startup บริหารธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวบรวมสถิติต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ AI
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยให้ผู้ประกอบ Startup บริหารธุรกิจในการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว รวบรวมสถิติต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาและปรับปรุงบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ AI ก็มาพร้อมภัยอันตรายที่ผู้ประกอบการต้องระวัง Scammer จากข้อมูลจากการประมวลผลที่ผิดพลาด ผู้ประกอบการต้องศึกษาและใช้งานอย่างระมัดระวังและมีความรับผิดชอบ เพื่อให้การบริหารธุรกิจดำเนินไปได้ถูกต้อง Startup Thaila...
ดร.กริชผกาถึงปี 2025 ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ พฤติกรรมการบริโภค คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมิติด้าน Data
ดร.กริชผกาถึงปี 2025 ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของธุรกิจสตาร์ทอัพ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ พฤติกรรมการบริโภค คลื่นเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมิติด้าน Data Center ที่ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการลงทุน ทั้งจากผู้เล่นไทยและระดับโลก 3 ปีที่ผ่านมาขนาด Data Center ของไทยเติบโตกว่าร้อยละ 54 เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และคาดการณ์ว่าปี 2024 – 2027 ประเทศไทยน่าจะสาม...