สตาร์ทอัพไทยปี 2567 2568 ก้าวกระโดดด้วย Ai และความยั่งยืน ท่ามกลางการ

Leo Migdal
-
สตาร์ทอัพไทยปี 2567 2568 ก้าวกระโดดด้วย ai และความยั่งยืน ท่ามกลางการ

โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในปี 2567-2568 ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI, ความยั่งยืน และ FinTech พร้อมวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาสสำคัญ AI กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงการผลิตและสุขภาพ [6, 10, 11, 20, 24] สตาร์ทอัพไทยกำลังใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะ Generative AI และ AI Agentic Systems ที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง [10, 11] การลงทุนในศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ที่เพิ่มขึ้นยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาค AI อีกด้วย [10, 11, 20] #### 2. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Tech) ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นทำให้สตาร์ทอัพที่มุ่งเน้นพลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสีย และเกษตรกรรมที่ยั่งยืนได้รับความสนใจมากขึ้น [3, 5, 7, 10, 11, 14] ภาครัฐเองก็กำลังเร่งส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว โดยมีเป้าหมายในการพัฒนายูนิคอร์น (Unicorns) ที่สามารถแข่งขันในระดับสากลได้ [7] ตลาดเทคโนโลยีสีเขียวคาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า [7]

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยว่าธุรกิจในประเทศไทยมีความตื่นตัวและมุ่งมั่น อย่างมากในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี AI โดยระดับการนำไปใช้ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง AWS ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลาย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยผลการศึกษา “Unlocking Thailand’s AI Potential” AWS ล่าสุดพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย... แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เผยผลการศึกษาล่าสุด “Unlocking Thailand's AI Potential” ซึ่งจัดทำร่วมกับ Strand Partners พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย 17% นิค บอนสโตว์ ผู้อำนวยการบริษัท สแตรนด์ พาร์ทเนอร์ส เผยว่า ได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในประเทศไทย ทว่าการใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน [น่ากังวล] เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา Amazon Web Services (AWS) ประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจน่าสนใจ พบไทยมีการใช้ AI ในภาคธุรกิจพุ่งสูงขึ้นถึง 33% ในปีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีความคล่องตัวสูง แต่ขณะเดียวกัน ฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับปรับตัวได้ช้ากว่า อาจนำไปสู่ “เศรษฐกิจสองระดับ” ที่นวัตกรรมกระจุกตัวอยู่แค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแทน แม้ภาพรวมการใช้ AI ในไทยจะดูสดใส โดยมีธุรกิจกว่า 600,000 รายนำ AI มาปรับใช้แล้ว แต่เมื่อเจาะลึกลงไปกลับพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจส่วนใหญ่ 72% ยังคงใช้ AI ในระดับพื้นฐาน เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดต้นทุน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เราไม่ควรพิจารณาเพียงตัวเลขการนำ AI มาใช้เท่านั้น เพราะอาจทำให้มองข้ามความท้าทายที่แท้จริงที่ธุรกิจไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ สำหรับอุปสรรคใหญ่ของช่องว่างนี้ ก็เกิดจาก ‘ทักษะรายบุคคลคน’ และ ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย’ โดยผลการศึกษาได้ชี้ไปที่ 2 อุปสรรคหลักตามนี้ อัตราการใช้ AI ในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 33% จากปีที่ผ่านมา โดยมีเพียง 16% ของบริษัทขนาดใหญ่ที่นำ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เทียบกับสตาร์ทอัพที่มีสัดส่วนสูงถึง 40% 47% ของธุรกิจระบุว่า การขาดทักษะดิจิทัลเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายการใช้ AI กรุงเทพฯ 6 ตุลาคม 2568 – อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยผลการศึกษาพบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างบริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม

การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย... AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไทยผ่านการศึกษา “Unlocking Thailand's AI Potential” โดยเก็บข้อมูลจากผู้นำธุรกิจและประชาชนทั่วไป กลุ่มละ 1,000 รายในประเทศไทย เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวจากแรงขับเคลื่อนของภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ยังจะเป็นปีที่ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเปิดประตูให้กับธุรกิจไทยได้เติบโต ในทศวรรษที่ผ่านมา มีการใช้งาน AI อย่างหลากหลายและเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม Generative AI ก็ได้ทำให้ AI รุ่นใหม่ ๆ เป็นที่น่าจับตามอง บทความนี้จะสรุปเทรนด์ธุรกิจและเทคโนโลยีสำคัญที่จะเปิดบทใหม่ให้กับธุรกิจไทย ควบคู่ไปกับแนวทางการนำเทรนด์มาใช้: อุตสาหกรรม AI คาดว่าจะเติบโตจาก 95,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 1.8 ล้านล้านภายในปี พ.ศ.

2573 โดยจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า แต่หลาย ๆ บริษัท ยังไม่พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่[2] นอกจากนี้ผลสำรวจ AI Readiness Index จัดทำโดยซิสโก้ พบว่ามีเพียง 1 ใน 5 (20%) องค์กรในประเทศไทยเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จาก AI โดย 74% ยอมรับถึงความกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับผลกระทบต่อธุรกิจหากไม่ปรับพี่ตัวในอีก 12 เดือนข้างหน้า[3] ข่าวดีก็คือ ธุรกิจในไทยมองเห็นความเร่งด่วนในการคว้าโอกาสจาก AI กันมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา เกือบทั้งหมด (99%) ยอมรับว่าองค์กรมีความตื่นตัวต่อการใช้เทคโนโลยี AI และองค์กรมากถึง 97% มีกลยุทธ์ AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วหรืออยู่ในกระบวนการพัฒนา อย่างไรก็ดี ยังพบช่องว่างสำคัญในเสาหลักต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล การกำกับดูแล บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร เช่น การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของพวกเขาพร้อมสำหรับ AI รวมถึงการสร้างบุคลากรด้าน AI ที่มีคุณภาพ, แผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ในปี พ.ศ. 2567 บริษัทไทยจะต้องต่อสู้กับวิธีจัดการกับ AI ภายในองค์กร รวมถึงบุคลากรที่พร้อมใช้งานเทคโนโลยีนั้นด้วย – ฉากทัศน์อนาคตระเบียบโลก ในยุค AI ที่ปัญญาประดิษฐ์ทรงอิทธิพล โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ปี 2568 เป็นปีทองของสตาร์ทอัพไทยที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ผนวกกับการสนับสนุนจากภาครัฐและกระแสการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง

เรื่องราวของสตาร์ทอัพไทยในปี 2568 สอนให้เรารู้ว่า ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่ไปกับการตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและสิ่งแวดล้อม คือหนทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน.

People Also Search

โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในปี

โดย สตาร์ทอัพ สตอรี่ | เผยแพร่: 27/7/2568 | ปรับปรุงล่าสุด: 27/7/2568 ภาพรวมการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยในปี 2567-2568 ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI, ความยั่งยืน และ FinTech พร้อมวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาสสำคัญ AI กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การบริการลูกค้าไปจนถึงการผลิตและสุขภาพ [6, 10, 11, 20, 24] สตาร์ทอัพไทยกำลังใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะ Generativ...

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย

นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ประเทศไทย (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com เปิดเผยว่าธุรกิจในประเทศไทยมีความตื่นตัวและมุ่งมั่น อย่างมากในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี AI โดยระดับการนำไปใช้ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่...

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ

ทว่าเกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ สตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม การสำรวจพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบัน มีธุรกิจ 60...

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

แต่ในทางกลับกัน กลุ่มสตาร์ทอัพกลับมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่ามาก โดยมีสตาร์ทอัพ 40% กำลังพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนฝั่งบริษัทขนาดใหญ่กลับมีเพียง 16% ที่ทำในสิ่งเดียวกัน SME ก็อยู่ที่ 9% เท่านั้น นิค บอนสโตว์ (Nick Bonstow) ผู้อำนวยการจาก Strand Partners ที่ได้ร่วมศึกษาผลสำรวจนี้ ก็ชี้เลยว่าการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจ AI แบบสองระดับนี้ อาจส่งผลก...

การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก

การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย... AWS ร่วมกับ Strand Partners สำรวจการใช้ AI ในไ...